นายสายชล ยังรอด ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม นำคณะผู้เข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรการบริหารงานยุติธรรมระดับกลาง รุ่นที่ 19 (ยธก.19) ศึกษาดูงาน ระหว่างวันที่ 6-7 สิงหาคม 2567 ณ จังหวัดปทุมธานี และจังหวัดนครนายก
วันที่ 6 สิงหาคม 2567 ช่วงเช้า ศึกษาดูงานและรับฟังการบรรยาย หัวข้อ “การเสริมสร้างอาชีพผู้ต้องขังก่อนปล่อยตัวเพื่อลดการกระทำผิดซ้ำ” โดย นายอัสนีย์ สังขเนตร ผู้อำนวยการทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง ให้เกียรติเป็นวิทยากร ปัจจุบันทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง มีผู้ต้องขังชาย จำนวน 2,545 คนส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 18-25 ปี จึงเป็นเรือนจำเฉพาะทางด้านการศึกษาและกีฬา ส่งเสริมศักยภาพให้เหมาะสมกับช่วงวัยของผู้ต้องขัง และกล่าวถึงพันธกิจในมิติต่าง ๆ เช่น โคก หนอง นา โมเดล , ราชทัณฑ์ปันสุข เป็นต้น เพื่อฝึกทักษะอาชีพเตรียมความพร้อมผู้ต้องขังวัยหนุ่มกลางก่อนปล่อยตัวคืนสู่สังคม จากนั้นได้นำคณะเยี่ยมชมแดน 4 (แดนการศึกษาและกีฬา) รับชมการแสดงวงโยธวาทิต จากชมรม To Be Number Oneและการแสดงมวยไทย และแดน 8 (แดนพยาบาล) เปิดให้บริการ 24 ชม. ตามวิสัยทัศน์ “ผู้ต้องขังทุกคนได้รับการดูแลสุขภาพขั้นพื้นฐานอย่างเท่าเทียมกัน”
ช่วงบ่าย ศึกษาดูงานและรับฟังการบรรยาย หัวข้อ การบริหารจัดการโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และการบริหารจัดการน้ำ โดยนายขัตติยา เที่ยงจิตร์ วิศวกรชลประทานชํานาญการ หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 1 ณ เขื่อนขุนด่านปราการชล จังหวัดนครนายกกล่าวถึงการก่อสร้างเขื่อนเก็บน้ำขนาดใหญ่ โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อเก็บกักและจัดสรรน้ำอย่างเป็นระบบให้แก่พื้นที่เกษตรกรรม สามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ความแห้งแล้งและปัญหาดินเปรี้ยว ที่ส่งผลต่อการเพาะปลูก นอกจากนี้เขื่อนยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลา แหล่งประมง และแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งใหม่ของจังหวัดนครนายกเป็นการส่งเสริมอาชีพให้แก่ประชาชน จากนั้นคณะได้นั่งรถรางเพื่อรับชมทัศนียภาพบริเวณสันเขื่อน โดยมีวิทยากรบรรยายขยายความถึงส่วนประกอบต่างๆของเขื่อนขุนด่านปราการชล
วันที่ 7 สิงหาคม 2567 รับฟังการบรรยาย หัวข้อ “การบริหารจัดการเมืองน่าอยู่ : พัฒนาความรู้และทักษะในการประกอบอาชีพของประชาชน เพื่อให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง และมั่นคง” โดยได้รับเกียรติจากรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก (นายศราวุธ สุวรรณจูฑะ) กล่าวถึงการบริหารจัดการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและน่าอยู่ ให้คำนึงถึงความยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประชาชนรู้สึกปลอดภัยและมีคุณภาพชีวิตที่ดี และประเด็นหลักที่ควรพิจารณา ได้แก่ การบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดและเป็นธรรม การให้ความรู้และการสื่อสารกับประชาชนและการจัดการปัญหาในชุมชน เพื่อสร้างชุมชนเข้มแข็ง
ทั้งนี้ จะช่วยยกระดับกระบวนการยุติธรรม นำไปสู่การเป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับประชาชน อีกทั้งยังให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมนำองค์ความรู้จากการบรรยายในครั้งนี้ไปปรับประยุกต์ใช้ต่อไป