วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน 2568 เวลา 14.00 น. สำนักงานกิจการยุติธรรม จัดการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและพัฒนาการเสริมสร้างหลักนิติธรรมแห่งชาติ (กขนช.) ครั้งที่ 1/2568 โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม พันตำรวจโท พงษ์ธร ธัญญสิริ ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรม นายนิทัศน์ แสงวัฒนะ รองผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรม หัวหน้าส่วนราชการ และผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาต่าง ๆ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม กพยช. สำนักงานกิจการยุติธรรม และผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference)
ด้วยหลักนิติธรรม (Rule of law) เป็นหลักการพื้นฐานสำคัญในการบริหารงานประเทศภายใต้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม สังคมที่มีหลักนิติธรรม ย่อมเป็นสังคมที่ปกครองด้วยหลักกฎหมาย มีกฎหมายเป็นใหญ่ ใช้บังคับอย่างเสมอภาคและไม่มีการเลือกปฏิบัติ โดยที่ประชุมได้รับทราบ 1.) คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนและพัฒนาการเสริมสร้างหลักนิติธรรมแห่งชาติ(กขนช.) (ปี พ.ศ. 2568) 2.) สรุปผลการประชุมคณะกรรมการ กขนช. (ปี พ.ศ. 2567) 3.) สรุปผลการประชุมคณะอนุกรรมการในคณะกรรมการ กขนช. ทั้ง 4 ชุด (ปี พ.ศ. 2567) และ 4.) รับทราบความคืบหน้าของการดำเนินงานเกี่ยวกับหลักนิติธรรม โดยผู้อำนวยการสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประทศไทย ซึ่งได้กล่าวถึงกิจกรรมภายใต้ความร่วมมือของสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทยกับโครงการยุติธรรมโลก (World Justice Project) และผลการดำเนินงานประเด็นภาครัฐระบบเปิด (Open Government)
นอกจากนี้ ได้พิจารณาแนวทางขับเคลื่อนภายใต้ข้อจำกัดของกรอบระยะเวลาดำเนินงาน โดยได้พิจารณาคัดเลือกประเด็นที่สามารถขับเคลื่อนได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งที่ประชุมได้รับทราบประเด็นหลักนิติธรรมที่องค์การระหว่างประเทศและสถาบันต่างประเทศได้กำหนดคำนิยามไว้อย่างหลากหลาย ซึ่งที่ประชุมเน้นการกำหนดคำนิยามโดยองค์กร 4 แห่ง คือ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (United Natiions Sustainable Development Goal : UN SDG) องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและพัฒนา(Orgaization for Economic Co-operation and Development : OECD) ธนาคารโลก (World Bank) และโครงการยุติธรรมโลก (World Justice Project) ตลอดจนประเด็นการสร้างการตระหนักรู้ในเรื่อง “หลักนิติธรรม” ให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะหน่วยงานที่เป็นผู้บังคับใช้กฎหมายโดยตรง อาทิ ตำรวจ ทหาร เป็นต้น รวมถึงพิจารณาแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ จากเดิม 4 ชุด เป็น 3 ชุด ได้แก่ คณะอนุกรรมการ ด้านการพัฒนาประสิทธิภาพและการบริหารจัดการ ด้านสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน และด้านพัฒนากระบวนการยุติธรรมทางแพ่งและอาญา