วันพุธที่ 27 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. สำนักงานกิจการยุติธรรม ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการขับเคลื่อนและพัฒนาการเสริมสร้างหลักนิติธรรมแห่งชาติ (กขนช.) ได้จัดการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 2/2568 โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม พันตำรวจโท พงษ์ธร ธัญญสิริ ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรม นายนิทัศน์ แสงวัฒนะ รองผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรม รวมทั้ง หัวหน้าส่วนราชการ ผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาต่าง ๆ ในฐานะคณะกรรมการฯ เข้าร่วม ณ ห้องประชุม กพยช. สำนักงานกิจการยุติธรรม และผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference)
คณะกรรมการขับเคลื่อนและพัฒนาการเสริมสร้างหลักนิติธรรมแห่งชาติ (กขนช.) ได้ตระหนักถึงความสำคัญของหลักนิติธรรม (Rule of law) อันเป็นพื้นฐานสำคัญในการบริหารประเทศภายใต้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม จึงมุ่งเน้นการขับเคลื่อนหลักนิติธรรมให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในการพัฒนาประเทศในทุกๆ ด้าน โดยเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2568 กขนช. ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ 3 ชุด เพื่อพิจารณาดำเนินการดังกล่าว เนื่องด้วยระยะเวลาอันมีจำกัดจึงให้อนุกรรมการแต่ละชุดใช้ดุลยพินิจพิจารณา เรื่องที่เห็นสมควรเพียง 1 – 3 เรื่อง เพื่อดำเนินการขับเคลื่อน เฉพาะเรื่องที่มีความชัดเจน เป็นสิ่งที่ได้เริ่มต้นทำไปแล้ว สามารถขับเคลื่อนได้อย่างรวดเร็ว
ที่ประชุม กขนช. ได้รับทราบ สรุป (ร่าง) ผลการประชุมคณะอนุกรรมการในคณะกรรมการขับเคลื่อนและพัฒนาการเสริมสร้างหลักนิติธรรมแห่งชาติ ทั้ง 3 ชุด พร้อมทั้ง ได้พิจารณาผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการ ดังนี้
1) คณะอนุกรรมการชุดที่ 1 (ด้านการพัฒนาประสิทธิภาพและการบริหารจัดการ) ได้จัดการประชุมเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 ได้หารือเกี่ยวกับการของการเปิดเผยข้อมูลและแนวทางการขับเคลื่อนการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ 25 ชุดข้อมูล เพื่อการต่อต้านคอร์รัปชัน อาทิ การสร้างแนวปฏิบัติที่ชัดเจนในการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐการสร้างกลไกสนับสนุนเชิงนโยบายสำหรับการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ และการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 โดยมีข้อเสนอการดำเนินการในระยะสั้น อาทิ ให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลพัฒนาแนวทางปฏิบัติการเปิดเผยข้อมูลที่ไม่เป็นการละเมิด พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ให้สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารพิจารณาออกประกาศกำหนดให้ข้อมูลการต่อต้านคอร์รัปชันเป็นข้อมูลข่าวสารสาธารณะ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณานำเรื่องการเปิดเผยข้อมูลต่อต้านคอร์รัปชันบรรจุในแผนปฏิบัติการแห่งชาติ และให้สำนักงาน ป.ป.ช. พิจารณาปรับปรุงตัวชี้วัดด้านการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (ITA) ให้สอดคล้องกับตัวชี้วัดระดับสากล
2) คณะอนุกรรมการชุดที่ 2 (ด้านสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน) ได้จัดการประชุมเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2568 ได้หารือเกี่ยวกับการจัดทำตัวชี้วัดของประเทศไทย ให้เป็นไปตามตัวชี้วัดสากล มุ่งเน้นสิ่งที่ปฏิบัติได้จริง อาทิ ตัวชี้วัดสิทธิมนุษยชน (Composite Human Rights Index) ของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ หรือของหน่วยงานอื่น และมีประเด็นการส่งเสริมสิทธิผู้ต้องหาที่เป็นผู้หญิง โดยในการประชุมคณะอนุกรรมการฯ ครั้งต่อไปได้ขอให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพกระทรวงยุติธรรมนำเสนอแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 5 และแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ระยะที่ 2 ทั้งนี้ เห็นว่าประเด็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานเป็นประเด็นคาบเกี่ยว (cross cutting issues) กับการพัฒนาประเทศและเรื่องธุรกิจ โดยเฉพาะประเด็นเพศสภาพ (gender base) ภายใต้ตัวชี้วัดขององค์การ เพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) แนวทางการประเมิน B-Ready ของธนาคารโลก และตัวชี้วัดหลักนิติธรรมของ World Justice Project จึงได้กำหนดประเด็นที่ประเทศไทยจะสามารถดำเนินการให้สอดคล้องตามหลักการระหว่างประเทศไปพร้อมกัน
3) คณะอนุกรรมการชุดที่ 3 (ด้านการพัฒนากระบวนการยุติธรรม) ได้จัดการประชุมเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2568 ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาความแออัดในเรือนจำ โดยส่งเสริมมาตรการต่าง ๆ เพื่อลดจำนวนผู้ต้องขัง อาทิ การบริหารโทษกรณีนักโทษเด็ดขาด (จำแนกผู้ต้องขัง เลื่อนชั้นนักโทษ ลดวันต้องโทษพักการลงโทษ อภัยโทษ และย้ายไปจำคุกในเรือนจำหรือสถานที่อื่นตามสมควร) การบริหารโทษกรณีผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาล โดยให้ความสำคัญกับการร้องขอต่อศาลเพื่อนำตัวไปขังไว้ในสถานที่อื่นนอกจากเรือนจำ และประเด็นการฝึกทักษะอาชีพ พัฒนาพฤตินิสัยของนักโทษเด็ดขาดและผู้ต้องขังระหว่างการพิจารณา เพื่อลดอัตรากระทำความผิดซ้ำ และเพิ่มโอกาสให้กลับคืนสู่สังคมอย่างปกติสุข โดยในการประชุมคณะอนุกรรมการฯ ครั้งต่อไปได้ขอให้ขอให้กรมราชทัณฑ์นำเสนอข้อมูลสถิติผู้ต้องขัง
ทั้งนี้ ที่ประชุมฯ ได้มีมติเห็นชอบตามการพิจารณาของคณะอนุกรรมการ ทั้ง 3 ชุด และให้สำนักงานกิจการยุติธรรมในฐานะฝ่ายเลขานุการ กขนช. แจ้งข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าวได้รับทราบ