
วันอังคารที่ 28 ตุลาคม 2568 เวลา 10.30 น. พันตำรวจโท มนตรี บุณยโยธิน รองผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรม รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานกิจการยุติธรรม หารือการจัดทำร่างพระราชบัญญัติโนตารีปับลิก พ.ศ. …. โดยมี ดร.ธนพล คงเจี้ยง นายกสภาทนายความ เป็นประธาน ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 3 สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยสรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
สำนักงานกิจการยุติธรรม ได้ยกร่างกฎหมายโนตารีปับลิก เพื่อการรับรองเอกสารและการจัดทำหลักฐานแห่งสิทธิและนิติกรรมของโนตารี ซึ่งสิ่งสําคัญในการมีกฎหมายโนตารี คือ ศาลต้องเชื่อ ลดภาระของหน่วยงาน มีองค์กรควบคุมตรวจสอบโนตารี ยกระดับการทํางานของทนายความให้มีมาตรฐานสากล และโนตารีต้องมีคุณสมบัติที่พร้อมให้บริการประชาชน และได้หารือกับสาธารณรัฐฝรั่งเศสโดยได้ให้ข้อคิดเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาในร่างพระราชบัญญัติฯ คือ 1. การรับรองลายมือชื่อควรกำหนดให้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ (โนตารีปับลิก) 2. โนตารีปับลิก ที่กำหนดในร่างพระราชบัญญัติต้องมีความเป็นกลางไม่เลือกปฏิบัติและมีความน่าเชื่อถือ
สภาทนายความฯ ชี้แจงว่าได้มีการไปศึกษาดูงานที่สาธารณรัฐสิงคโปร์ซึ่งใช้ระบบกฎหมายCommon Law โดยสภาทนายความฯ เห็นว่าระบบโนตารีปับลิกของสาธารณรัฐสิงคโปร์ค่อนข้างมีความเหมาะสมกับของประเทศไทย และนํามาเป็นต้นแบบในการยกร่างกฎหมายโนตารีของสภาทนายความ โดยร่างกฎหมายของสภาทนายความจะเน้นการรับรองเอกสารเพื่อนําไปใช้งานในต่างประเทศเท่านั้น ไม่ทับซ้อนกับเอกสารที่หน่วยงานของรัฐรับรองและใช้ภายในประเทศ และเห็นว่าโนตารีควรต้องมาจากผู้ประกอบวิชาชีพทนายความ นอกจากนี้สภาทนายความฯ มีข้อสังเกตเกี่ยวกับอํานาจหน้าที่ของโนตารีที่ไม่ควรไปทับซ้อนกับหน่วยงานภาครัฐที่ดําเนินการอยู่แล้ว และในการยกร่างกฎหมายไม่ต้องคํานึงถึงว่าเป็นระบบกฎหมายใด แต่ควรนํามาปรับใช้ให้เหมาะสมกับประเทศไทย ทั้งนี้ เพื่อให้ร่างพระราชบัญญัติโนตารีปับลิก พ.ศ. …. มีความเหมาะสมและสอดคล้องต้องตรงกันทั้งสองฝ่ายจึงมีความเห็นสมควรจัดตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติร่วมกันอีกครั้งต่อไป
