สกธ. จัดการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและพัฒนาการเสริมสร้างหลักนิติธรรมแห่งชาติ (กขนช.) คณะอนุกรรมการ ชุดที่ 3 ครั้งที่ 1/2568

1

วันพุธที่ 6 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. สำนักงานกิจการยุติธรรม ในฐานะเลขานุการคณะอนุกรรมการ ชุดที่ 3 ด้านการพัฒนากระบวนการยุติธรรม ในคณะกรรมการขับเคลื่อนและพัฒนาการเสริมสร้างหลักนิติธรรมแห่งชาติ (กขนช.) จัดการประชุมคณะอนุกรรมการ ชุดที่ 3 ครั้งที่ 1/2568 โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษ กมลชัย รัตนสกาววงศ์ เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย พันตำรวจโท พงษ์ธร ธัญญสิริ ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรม นายไชยสุวัฒน์ ถุงเงิน ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านพัฒนาระบบงานยุติธรรม ผู้ทรงคุณวุฒิ รวมทั้งผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในฐานะคณะอนุกรรมการ ชุดที่ 3 เข้าร่วม ณ ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการฐานข้อมูลการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ สำนักงานกิจการยุติธรรม และวิธีการประชุมทางไกล (Video Conference)

สำนักงานกิจการยุติธรรม ได้ขับเคลื่อนดำเนินการตามโครงการยุติธรรมโลก (The world Justice Project : WJP) เพื่อส่งเสริมหลักนิติธรรมและความยุติธรรมที่โปร่งใส พัฒนาเครือข่ายและฐานข้อมูลด้านความต้องการกระบวนการยุติธรรมที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง สนับสนุนการประเมินดัชนีตัวชี้วัดหลักนิติธรรม (Rule of Law Index : RoL Index) ในประเทศไทย โดยที่ประชุมได้รับทราบคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการชุดที่ 3 ด้านการพัฒนากระบวนการยุติธรรม และสรุปผลการประชุม กขนช. ครั้งที่ 1/2568 รวมถึงสรุปผลการประชุมคณะอนุกรรมการ ชุดที่ 3 และชุดที่ 4 ในคณะกรรมการ กขนช. ประจำปี พ.ศ. 2567 (ซึ่งรวมเป็นคณะอนุกรรมการชุดที่ 3)

พร้อมทั้ง ได้พิจารณาดัชนีตัวชี้วัดหลักนิติธรรมของโครงการยุติธรรมโลก (WJP) ซึ่งเป็นเครื่องมือแนวปฏิบัติด้านหลักนิติธรรมในเชิงปริมาณตามหลักสากล ประกอบด้วย 8 ปัจจัยหลัก 44 ปัจจัยย่อย โดยในปี 2567 ประเทศไทยได้คะแนนปรับตัวดีขึ้นเป็นปีแรก และอยู่ในลำดับที่ 78 จาก 142 ประเทศ มีปัจจัยที่ 5 ด้านความสงบเรียบร้อยและความมั่นคง ได้คะแนนมากที่สุด 0.74 คะแนน (0.51 คะแนนขึ้นไป อยู่ในเกณฑ์สีเขียว) ในขณะที่ปัจจัยที่ได้คะแนนน้อยที่สุด (0.21 – 0.30 คะแนน อยู่ในเกณฑ์สีแดง) ซึ่งเป็นประเด็นที่ประเทศไทยได้คะแนนต่ำสุดต่อเนื่อง และเป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการทันที ได้แก่ (1) ปัจจัยย่อย ข้อ 6.4 “กระบวนการของฝ่ายบริหารยึดหลักเคารพสิทธิของประชาชนโดยการใช้อำนาจต้องมีกฎหมายรองรับและปฏิบัติตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด” ได้ 0.30 คะแนน (2) ปัจจัยย่อย ข้อ 8.3 “ระบบราชทัณฑ์มีประสิทธิภาพในการปรับพฤตินิสัย” ได้คะแนน 0.25 คะแนน คณะอนุกรรมการ จึงได้ร่วมกันพิจารณาเพื่อยกระดับคะแนนตัวชี้วัดทั้ง 2 ปัจจัยย่อย เป็นลำดับแรก โดยผู้แทนกรมราชทัณฑ์ได้ให้ข้อมูลต่อที่ประชุมเกี่ยวกับสถานการณ์ความแออัดในเรือนจำ สถิติผู้ต้องราชทัณฑ์ทั่วประเทศ การบริหารจัดการภายในเรือนจำตามประเภทผู้ต้องขัง ตลอดจนกระบวนการปรับพฤตินิสัย แก้ไข ฟื้นฟูพัฒนาพฤติกรรมผู้ต้องขัง ฯลฯ โดยที่ประชุมได้พิจารณาหาแนวทางแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว อาทิ การควบคุมผู้ต้องหาหรือจำเลย ที่อยู่ระหว่างการสอบสวนหรือพิจารณา ภายในสถานที่อื่นนอกจากเรือนจำ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 89/1 ซึ่งเป็นอำนาจของรัฐฝ่ายบริหารที่จะบริหารจัดการ การย้ายเรือนจำสำหรับนักโทษเด็ดขาดเพื่อลดความแออัด นักโทษจิตเวชหรือมีพฤติกรรมกระทำความผิดซ้ำซึ่งส่งผลให้เกิดความคลาดเคลื่อนต่อคะแนนตัวชี้วัด ตลอดจนการปรับพฤตินิสัยของนักโทษเด็ดขาด และผู้ต้องขังประเภทอื่นที่มีความสมัครใจ

20 Views