วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม 2567 เวลา 16.00 น. พันตำรวจโท พงษ์ธร ธัญญสิริ ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรม เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและพัฒนาการเสริมสร้างหลักนิติธรรมแห่งชาติ (กขนช.) ครั้งที่ 2/2567 โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษธงทอง จันทรางศุ เป็นประธานกรรมการ พร้อมด้วยคณะกรรมการประกอบด้วย นางสาวอ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม นางสาวเอมอร เสียงใหญ่ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ดร.พิเศษ สอาดเย็น ผู้อำนวยการสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด้วยวิธีการประชุมทางไกลผ่านระบบ Cisco Webex Meeting
โดยที่ประชุมได้รับทราบผลสรุปการประชุม Advancing the Rule of Law in Asia Pacific – A Regional World Justice Project เมื่อระหว่างวันที่ 27 -28 มิถุนายน 2567 ซึ่งผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรมและผู้แทนได้เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ณ ประเทศสิงคโปร์ และได้ให้ข้อสังเกตกับประเด็นที่ประเทศไทยถูกพาดพิงในกรณีอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ และกรณีคดีตามมาตรา 112 ว่าผู้แทนที่เข้าร่วมการประชุมอาจมีการพูดคุยชี้แจงทำความเข้าใจกับต่างชาติให้มีความเข้าใจที่ถูกต้องได้
นอกจากนี้ที่ประชุมได้มีมติให้ตั้งคณะอนุกรรมการ จำนวน 4 ชุด โดยกำหนดจากการจัดกลุ่มปัจจัยตามตัวชี้วัดของ WJP ประกอบด้วย
ชุดที่ 1 เรื่องการใช้อำนาจของรัฐ ประกอบด้วย ปัจจัยที่ 1 การใช้อำนาจของรัฐบาล ปัจจัยที่ 2 การปลอดจากทุจริตคอร์รัปชั่น และปัจจัยที่ 3 ภาครัฐบาลระบบเปิด
ชุดที่ 2 เรื่องที่เกี่ยวข้องกับประชาชน ประกอบด้วย ปัจจัยที่ 4 สิทธิขั้นพื้นฐาน
ชุดที่ 3 เรื่องการบังคับใช้กฏหมาย ประกอบด้วย ปัจจัยที่ 5 ความสงบเรียบร้อยและความมั่นคง และปัจจัยที่ 6 การบังคับใช้ให้เป็นไปตามกฎหมาย
ชุดที่ 4 เรื่องกระบวนการยุติธรรม ประกอบด้วย ปัจจัยที่ 7 กระบวนการยุติธรรมทางแพ่ง และปัจจัยที่ 8 กระบวนการยุติธรรมทางอาญา
ทั้งนี้ ที่ประชุมมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการประสานคณะกรรมการ เพื่อพิจารณาผู้ที่เหมาะสมร่วมในคณะอนุกรรมการแต่ละคณะ และพิจารณาคัดเลือกประธานในคณะอนุกรรมการนั้น ๆ และนำเสนอประธาน เพื่อให้มีคำสั่งต่อไป ตลอดจนให้เลขานุการประสานกรรมการที่ไม่ได้เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้เพื่อพิจารณาเข้าร่วมในคณะอนุกรรมการ และจัดทำ Press Release และกำหนดช่องทางการเผยแพร่เพื่อการประชาสัมพันธ์ผ่านทางสื่อโซเชียลมีเดียของกระทรวงยุติธรรมและสำนักงานกิจการยุติธรรม และประธานจะนำไปเผยแพร่ในช่องทางอื่นด้วยเช่นกัน